-
สอนลูกใช้เงินสร้างอนาคต
ทำไมต้องให้ลูกรู้เรื่องการเงินตั้งแต่ยังเด็ก ?
จะเห็นได้ว่าคนรุ่นใหม่ที่พึ่งเริ่มทำงานบางคนมีหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย สาเหตุหนึ่งก็มาจากการไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน ถ้าสอนให้เด็กรู้เรื่องการเงินตั้งแต่เด็กๆ ก็จะสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ทั้งการดำเนินชีวิตและรวมถึงสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตัวเองในอนาคตได้อีกเช่นกัน
จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินในการซื้อของใช้ประจำวันและสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ พบว่ากลุ่มตัวอย่างกว่า 50% ยอมรับว่ามีการใช้เงินเหมือนพ่อแม่และผู้ใหญ่ในครอบครัว สะท้อนให้เห็นว่าพ่อแม่และผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการสร้างนิสัยและพฤติกรรมในด้านต่างๆ รวมทั้งด้านการเงินให้กับเด็ก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะสอนลูกคือ ถ้าพฤติกรรมทางการเงินของพ่อแม่ดี ลูกก็จะมีพฤติกรรมทางการเงินที่ดีตาม เหมือนสุภาษิตที่บอกว่า ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’
ในส่วนของการเริ่มต้นควรเป็นอย่างไร ควรสอนอะไร น่าจะเป็นคำถามที่หลายๆ คนรู้สึกสงสัยและกำลังหาคำตอบอยู่ซึ่งวันนี้เราก็มีแนวทางหนึ่งที่ปรับมาจากงานวิจัยเรื่อง Habit Formation and Learning in Young Children ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับการให้พฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงนิสัยของเด็ก พบว่า เด็กที่อายุ 4 - 10 ปี มีความสามารถที่จำกัดในการมองภาพรวมในอนาคตและสามารถมองเป้าหมายที่แตกต่างจากกันออกไปในแต่ละช่วงวัย เพราะฉะนั้นในการเริ่มต้นสอนเด็กอาจจะแบ่งเป็นระยะเป็น 4 ระยะ ได้แก่
- อายุ 4-5 ปี ในช่วงวัยนี้อาจจะเริ่มสร้างความคุ้นเคยกับเงินก่อน ให้เค้ารู้ว่าการได้มาของเงินนั้นเกิดจากการทำงาน และต้องเสียค่าใช้จ่ายยังไง ส่วนเรื่องการวางแผนนั้นต้องทำให้เค้าเกิดความสนุกด้วยเกม อย่างเกมเศรษฐีหรือบอร์ดกระดานสะสมคะแนนรายสัปดาห์เมื่อเค้าทำได้ตามเป้าหมายแล้ว อาจจะมีการให้รางวัลหรือชื่นชมเพื่อเค้าเกิดความรู้สึกดีในการทำเป้าหมายนั้นๆ ต่อไป
- อายุ 6-7 ปี ในวัยนี้เริ่มจะสามารถวางแผนได้เป็นระยะเดือน เพราะในวัยนี้เด็กจะเริ่มมีความอดทนมากขึ้น อาจจะเริ่มให้เค้าเก็บเงินเพื่อซื้อของที่เค้าอยากได้เองโดยที่พ่อแม่อาจจะคอยดูความเป็นไปได้หรือสอนในการจัดลำดับความสำคัญต่างๆ เช่น ให้เงินบัดเจทไปซื้อของแล้วให้ลูกเลือกเองว่าต้องการอะไรที่สุดหรืออะไรสำคัญที่สุด
- อายุ 8-10 ปี เริ่มให้เค้าวางแผนว่าเค้าอยากทำอะไรในอนาคต อยากเป็นอะไรหรือเรียนอะไร แล้วให้เริ่มสร้างเป้าหมายในการออมที่ใหญ่ขึ้น เพราะในเด็กกลุ่มนี้สามารถรับรู้ความหมายของอนาคตและเริ่มจัดลำดับความสำคัญได้แล้ว เริ่มให้พวกเขาทำรายรับ - รายจ่าย เพื่อสร้างวินัยในการออมมากขึ้น
- อายุ 11 ปีขึ้นไป ค่อยๆ เพิ่มความรู้เพื่อนำไปต่อยอดในการลงทุนได้ เพราะการออมเงินเป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งของการเงินที่ควรรู้ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะเมื่อโตขึ้นพวกเขาจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากมายที่ต้องรับมือ อีกทั้งยังมีภาวะเงินเฟ้อที่จะทำให้เงินออมของคุณมีค่าน้อยลงเรื่อยๆ โดยอัตราเงินเฟ้อในปีนี้สูงถึง 5.5-6.5% ทำให้ต้องหาวิธีการเพื่อให้เงินที่คุณสะสมงอกเงยมากขึ้น เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ และเป็นความรู้เพื่อให้ลูกได้นำไปใช้ในอนาคตได้ ซึ่งก็คือ ‘การลงทุน’ โดยในช่วงแรกก่อนเรียนจบ อาจจะเริ่มให้พวกเขาลงทุนกับพ่อแม่ก่อน โดยพ่อแม่ควรช่วยกันสอนหรือหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนด้วย
แล้วทำไมการลงทุนถึงเป็นทางออกที่จะมาพิชิตเงินเฟ้อ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นในตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นถึง ความแตกต่างระหว่างการออมเงินไว้เฉยๆ , การฝากเงินในธนาคาร และการลงทุนในหุ้นปันผล โดยตั้งสมมติฐานว่าเก็บเงินเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 12 ปี ถ้าเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ปี พวกเขาจะมีเงินเท่าไหร่หลังจากเรียนจบ
จากกราฟจะเห็นได้ว่า เมื่อนำเงินไปลงทุนแบบทบต้นทบดอกในหุ้นปันผลที่ให้ปันผลปีละ 7% จะทำให้มีเงินมีการเติบโตมากกว่าการเก็บออมในแบบอื่นๆ รวมถึงเอาชนะเงินเฟ้อได้ด้วย ซึ่งสามารถดูประกอบกับตารางข้างใต้ได้เช่นกัน จะเห็นว่าในระยะเวลาเดียวกัน การลงทุนในหุ้นปันผลสามารถทำให้เงินงอกเงยมากกว่า
หมายเหตุ
* อ้างอิงจากดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1%ต่อปี
**หุ้นที่มีปันผลติดต่อกัน 5 ปีมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7.2% ข้อมูล ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 จาก SETSMART
การลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับอนาคตของลูก
ควรเป็นการลงทุนที่สามารถสร้างวินัย เสริมสร้างนิสัยการออมและการลงทุนไปพร้อมๆกันด้วยในระยะยาว
ทั้งนี้ควรมีผู้ปกครองให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ดังนั้นการลงทุนที่ตอบโจทย์ในการสร้างวินัยและสร้างการลงทุนระยะยาวคือ การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและความผันผวนจากการลงทุน รวมถึงการ DCA มีพื้นฐานแนวคิดการออมที่เด็กคุ้นเคยผู้ปกครองสามารถค่อยๆ แทรกความรู้เรื่องการลงทุนให้ลูกได้ อีกทั้งการออมและลงทุนไปด้วยจะสามารถทำให้เงินอนาคตของลูกๆ ของคุณงอกเงยได้เช่นกัน
หากต้องการ DCA สิ่งที่เราจะสามารถทำร่วมกันกับเด็กๆ ได้ มีดังนี้
1.ฝึกให้ลูกกำหนดเป้าหมายว่าอยากมีเป้าหมายการเงินในอนาคตเป็นอย่างไร เช่น น้อง A ตอนอายุ 22 ปี อยากเป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเหลือเวลาอีก 12 ปี ในการเก็บออมและลงทุน โดยจะนำเงินไปลงทุนกับคุณแม่ทุกๆเดือน เดือนละ 2,000 บาท
2.การเลือกหุ้นในการลงทุน ในส่วนของเด็กๆ อาจจะฝึกให้เค้าฟังข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจ สอนเกี่ยวกับวิธีดูธุรกิจที่ควรลงทุนว่าควรมีอะไรบ้าง สามารถดูได้ที่บทความเริ่มลงทุนในหุ้นด้วย DCA หรือ คลิก
3.เลือกเงินทุนในแต่ละเดือนที่เราสามารถลงทุนได้ โดยขึ้นอยู่รายรับ-รายจ่ายและเป้าหมายของแต่ละครอบครัว เริ่มให้เด็กรู้แหล่งที่มาของรายได้ของพ่อแม่ หรืออาจจะให้บันทึกรายรับ - รายจ่ายของตัวเองร่วมด้วย
4.เลือกเครื่องมือการลงทุน ในบทความนี้จะแนะนำเป็นโปรแกรมที่สามารถที่จะทำ DCA Order ได้ นั่นคือ Streaming อีกทั้งยังมี Back testing ในการจำลองหุ้นที่เราจะเลือกลงทุนว่าสามารถทำกำไรให้เราได้เท่าไหร่ ซึ่งสามารถจำลองให้ลูกฝึกคิดความเป็นไปได้ของธุรกิจได้ด้วย
หมายเหตุ *จากบทความนี้จะแนะนำให้เป็นเด็กที่อายุ 11 ปีขึ้นไปในการเริ่มลงทุนกับพ่อแม่ เพราะเป็นวัยที่เริ่มรู้จักคำว่า อนาคตและสามารถเริ่มวางแผนได้
สุดท้ายนี้ บทความนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งคำแนะนำเพื่อให้พ่อแม่ที่อยากสอนลูกหลานให้เรียนรู้ทางด้านเงินแบบคร่าวๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องค่อยๆ ให้เวลากับลูกเพื่อปรับตัวไปเรื่อยๆ ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมจนซึมซับเป็นนิสัยเพื่อให้มีความคิดทางการเงินที่มีตรรกะและยั่งยืน นำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเด็กในอนาคต
—------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เริ่มต้นลงทุนในหุ้นกับลูกง่ายๆ ด้วยการเปิดบัญชีออมหุ้นกับ บล. Zcom
ด้วยค่าธรรมเนียมถูกสุดๆ เพียง 0.065%* ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ
ออมเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท/เดือน จ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนเริ่มต้นแค่ 1.3 บาทเท่านั้น!
สะดวกสบายด้วยการลงทุนผ่าน Settrade DCA Order สามารถออมหุ้นได้สะดวกทุกเดือน
*ค่าคอมดังกล่าวยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นๆ
สนใจเปิดพอร์ต คลิกเลย
*การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน
ที่มา :
Habit Formation and Learning in Young Children bit.ly/3I8cXV8
how to teach kid about money bit.ly/3VrfWLv
สอนลูกใช้เงินเป็น bit.ly/3FTx8n7
ตารางแสดงปันผลหุ้นที่มี Divide Yield เฉลี่ยของหุ้นปันผลสูงสุดในตลาดจาก SETSMART
ทำไมกลุ่ม คน GEN Z ถึงเป็นหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด bit.ly/3WoQXKb
เงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค.65 ยังขยายตัว 5.98% แต่ทิศทางชะลอตัวลง bit.ly/3Wuxmbw